เพิ่มเพื่อน
หน้าหลัก > ข่าวและประกาศ > เลือกซื้อโซฟาแบบไหนดี?
เลือกซื้อโซฟาแบบไหนดี?
เลือกซื้อโซฟาแบบไหนดี?
04 Jan, 2024 / By kbfurniturethai
Images/Blog/NLECp9Fd-2_598_6.jpg

เลือกซื้อโซฟาแบบไหนดี?

 

หากพูดถึง โซฟา ใครหลายๆ คนคงรู้อยู่แล้วว่า โซฟาถือเป็นเฟอร์นิเจอร์หลัก ที่ใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น นั่งสังสรรค์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ หรือแม้กระทั่งไว้งีบหลับ แต่บางคนกลับต้องพบเจอกับปัญหา เมื่อซื้อโซฟามาแล้วแต่กลับทำให้ห้องดูแคบ จะเดินไปทางไหนก็ไม่สะดวก หรือบางคนยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้โซฟาสไตล์ไหนดี ฉะนั้นการเลือกซื้อโซฟาแต่ละครั้ง จึงต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะถ้าหากได้โซฟาไม่ดี ก็คงจะอายแขกที่มาเยี่ยมเยียน วันนี้จะมาแนะนำ วิธีเลือกโซฟา ให้เหมาะสมกับห้องและตัวคุณ

เลือกขนาดโซฟาให้เหมาะสมกับห้อง

การเลือกวัดขนาดพื้นที่จัดวางโซฟา เป็นสิ่งแรกที่คุณควรคำนึงถึง เพราะหากคุณไปเลือกซื้อโซฟา แต่ไม่ได้วัดขนาดพื้นที่ไปด้วย ก็จะทำให้คุณไม่แน่ใจว่าจะวางได้พอดีกับจุดที่ต้องการหรือไม่ เมื่อเกิดความไม่มั่นใจ สำหรับบางคนก็อาจจะใช้การคาดคะเนแต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับมีปัญหา ไม่สามารถนำโซฟาไปวางไว้ในห้องที่ต้องการได้ ฉะนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อโซฟาทุกครั้ง ให้วัดพื้นที่ก่อน ทั้งความยาว ความลึก และความสูง รวมไปถึงความลึกของเบาะ พอนั่งหรือพอนอนหรือไม่ พนักพิงสูงเกินไปหรือสั้นเกินไปรึเปล่า รวมถึงให้มองภาพรวมว่าตั้งแล้วจะไม่ทำให้ห้องหรือพื้นที่นั้นๆ ดูแคบลง เมื่อไปถึงหน้าร้านจะได้ตัดสินใจเลือกโซฟาที่เข้ากับห้องของคุณได้ง่ายขึ้น และก็อย่าลืมวัดขนาดของประตู หรือทางเดินที่ต้องขนย้ายโซฟาผ่านด้วย เผื่อทางที่เข้า - ออกมีขนาดที่จำกัด เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถขนย้ายโซฟาผ่าน เพื่อไปยังตำแหน่งที่คุณต้องการวางโซฟาได้

*คำแนะนำสำหรับห้องขนาดเล็ก ต้องคำนึงใช้สอยในส่วนอื่นๆ ด้วย เพื่อไม่ทำให้ห้องของคุณยิ่งเล็กแคบมากขึ้น แนะนำให้เลือกโซฟาแบบโครงขาโปร่ง จะช่วยให้ห้องดูกว้างและไม่ทึบตัน 

 

 

วิธีวัดขนาดตำแหน่งที่จัดวางโซฟา

 

วัดขนาดตำแหน่งพื้นที่ที่คุณต้องการวางโซฟา คือ กว้าง x ยาว x ลึก และทแยง หรือลองวัดความสูงที่คุณอยากได้ จะทำให้คุณรู้ว่าควรเลือกซื้อโซฟาขนาดเท่าไร ถ้าหากโซฟาคุณอยู่ใกล้ประตู ควรเว้นห่างประมาณ 1 – 1.5 เมตร ไม่ควรลืมวัดขนาดทางเดินที่จะเคลื่อนย้ายโซฟาเข้ามา เช่น ประตู บันได ทางเดินระหว่างขึ้นอาคาร หรือทางเดินในบ้าน เพราะหากวัดเพียงตำแหน่งที่ต้องการวางโซฟา แต่ลืมวัดขนาดทางเดินที่ต้องนำโซฟาผ่าน เพื่อไปยังตำแหน่งที่ต้องการแล้ว การขนย้ายโซฟาไปยังตำแหน่งนั้นอาจกลายเป็นเพียงความฝัน

เลือกประเภทให้เหมาะสมกับการใช้งาน

 

เมื่อได้ขนาดของโซฟาที่ต้องการแล้ว และขนาดทางเดินที่จะใช้เคลื่อนย้ายโซฟาเข้ามาแล้ว คุณอาจคิดว่าคุณพร้อมที่จะไปซื้อโซฟาแล้ว แต่เดี๋ยวก่อน เพราะขั้นตอนต่อมาคุณต้องมองหาประเภทของโซฟาที่ต้องการ โดยแบบโซฟาที่ดีควรมีขนาดเหมาะสมกับการใช้งาน มีจำนวนที่นั่งที่พอดีกับคน และมีขนาดเข้ากันกับพื้นที่ห้อง ซึ่งประเภทของโซฟาที่คนส่วนใหญ่นิยมเลือกใช้ มีดังนี้

โซฟา (Sofa) หรือที่เรียกว่าเก้าอี้นั่งสบาย คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกๆ บ้านคงต้องมีทั้งในห้องรับแขก และในห้องนั่งเล่น โซฟาจะมีลักษณะเป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิงและเท้าแขนยาว โดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ 2 ที่นั่งขึ้นไป มีทั้งรูปทรงกลม และเหลี่ยมหรือรูปทรงอื่นๆ แล้วแต่นักออกแบบ โดยสำหรับ 2 ที่นั่งจะเหมาะกับคู่รัก ครอบครัวขนาดเล็ก หรือคนที่ไม่ค่อยมีแขกมาเยี่ยมบ้าน ส่วน 3 ที่นั่งจะนั่งได้สบายขึ้น รองรับคนได้มากขึ้น ขนาดกว้างขวางกำลังดี อีกทั้งยังสามารถนอนเล่นได้ จึงได้รับความนิยมมากที่สุด แต่จะเหมาะกับห้องที่มีพื้นที่มากพอสมควร ซึ่งการเลือกจำนวนที่นั่งก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ในห้อง

โซฟาเดย์เบด (Sofa day bed) เป็นโซฟาที่สามารถนั่งก็ได้ หรือจะนอนยาวๆ ก็ดี เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด แล้วต้องการโซฟาที่มีฟังก์ชันเสริม เพื่อใช้งานอย่างคุ้มค่า แถมยังเหมาะสำหรับคนที่มีเพื่อนมานอนเล่นที่บ้านเป็นประจำด้วย

โซฟาเบด (Sofa bed) เป็นโซฟาที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานแบบมัลติฟังก์ชัน คือ กึ่งนั่งกึ่งนอน เหมาะสำหรับ ห้องนอน และห้องนั่งเล่น โดยตัวโซฟาสามารถปรับระดับพนักพิงได้ ปรับขึ้นเมื่อต้องการใช้เป็นโซฟา และปรับลงไปทางด้านหลังเพื่อใช้เป็นที่นอน หลังจากปรับลงพนักพิงจะระนาบไปกับเบาะนั่งสามารถนอนได้ ซึ่งจะเหมาะกับห้องเล็กๆ ที่ต้องการประหยัดพื้นที่อีกด้วย

อาร์มแชร์ (Armchair) เป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิงและเท้าแขนได้ นั่งได้สบาย มี 1 ที่นั่ง เหมาะแก่การใช้งานทั้งห้องรับแขก และห้องนั่งเล่น แต่ขึ้นอยู่กับดีไซน์ของโซฟา ว่าต้องการดีไซน์ที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ

สตูล (Stool) คือเก้าอี้ที่ไม่มีพนักพิงและเท้าแขน ส่วนใหญ่ใช้สำหรับห้องนั่งเล่น และมุมพักผ่อน มีทั้งรูปทรงกลม ทรงเหลี่ยม หรือรูปอิสระต่างๆ ได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับดีไซน์ที่นักออกแบบทำออกมา

เลือกสไตล์โซฟาให้เหมาะกับห้อง

 

นอกจากขนาดและประเภทแล้ว การเลือกสไตล์โซฟาให้เหมาะกับห้องก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากห้องเป็นสไตล์มินิมอลดูสว่างๆ สบายตา แต่โซฟากลับเป็นแนวอินดัสเทรียลที่วัสดุโซฟาเป็นโครงเหล็ก หรือท่อ หุ้มเบาะด้วยหนัง ก็คงจะดูแปลกตาอย่างบอกไม่ถูก ดังนั้นควรเลือกโซฟาในสไตล์ที่ชื่นชอบ และสวยเหมาะกับห้อง มาดูกันดีกว่าว่าโซฟามีสไตล์ไหนกันบ้าง แล้วแต่ละสไตล์จะมีลักษณะ และจุดเด่นแตกต่างกันยังไง

- คลาสสิกดั้งเดิม (Classic Traditional) : โซฟาสไตล์นี้จะเน้นความเรียบง่าย น่ามอง ไม่ธรรมดา และไม่หรูหราจนเกินไป เหมาะกับคนทุกยุค ทุกเพศ ทุกวัย จึงนิยมใช้ในบ้านที่มีสมาชิกจำนวนมาก หรือบ้านที่ต้องการความสงบและอบอุ่น

 

- ยุคกลาง (Mid Century) : โซฟาสไตล์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะและการใช้งาน จึงมีรูปทรงที่เรียบง่าย แต่สีสันสวยงามสะดุดตา เหมาะกับคนที่อยากให้ห้องนั่งเล่นสดชื่นและมีชีวิตชีวา

- ร่วมสมัย (Contemporary) : โซฟาสไตล์นี้จะค่อนข้างเรียบง่าย ทั้งดีไซน์และโทนสีเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ห้องนั่งเล่นอบอุ่น ผ่อนคลาย และน่านั่งพักผ่อน

- อินดัสเทรียล (Industrial) : โซฟาสไตล์นี้ค่อนข้างโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ส่วนใหญ่ทำมาจากไม้และโลหะ อีกทั้งยังมีโทนสีที่เป็นกลางหรือเป็นธรรมชาติเหมือนกันกับโซฟาสไตล์ร่วมสมัย

- สแกนดิเนเวียน (Scandinavian) : โซฟาสไตล์นี้มักจะมาพร้อมกับการออกแบบที่เรียบคลีนและขาไม้สีธรรมชาติ จุดเด่นอยู่ที่ความสวยงาม แข็งแรง แถมยังให้ความรู้สึกพอดี ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป สามารถนำไปแต่งบ้านได้หลากหลาย แต่จะดูสดใสมากขึ้น ถ้าอยู่ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์ที่มีโทนสีสว่าง

- โมเดิร์น (Modern Sofa) โซฟาสไตล์นี้มีการออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหรูหรา วัสดุที่หุ้มโซฟามีทั้งแบบผ้า และหนัง โทนสีของโซฟาจะเน้น ขาว ดำ เทา แนะนำให้เลือกสีที่เป็นกลางเอาไว้ โซฟาสไตล์นี้ไม่ได้มีข้อดีแค่ความสวยงามของดีไซน์ที่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถใช้ได้จริง จะนั่งท่าไหนก็สะดวกสบาย

วิธีเลือกสไตล์โซฟา

 

ควรแบ่งอัตราส่วนของสีภายในห้อง คือ มีกฎการตกแต่งห้องด้วยสีง่ายๆ เป็นกฎ 60-30-10 นั่นคือ สัดส่วน 60% เป็นสีหลัก โดยเป็นโทนสีอ่อน ต่อมา 30% คือ สีรอง เป็นโทนสีกลางๆ ซึ่งโซฟาจัดอยู่ในส่วนนี้ และ 10% คือ สีไฮไลท์ จะเป็นโทนสีเข้ม หรือโทนสีที่ตัดกับสีอื่นภายในห้อง จะช่วยเพิ่มให้ห้องมีความสะดุดตา น่าพักผ่อน และใช้เวลาอันแสนสุขอยู่ในห้องได้นานขึ้น

หากคุณอยากเลือกโซฟาผ้าที่มีลวดลาย หรือแพทเทิร์น แนะนำว่าในห้องไม่ควรมีลวดลายหรือแพทเทิร์นเกิน 3 ลาย เพราะถ้ามีลายมากเกินไป จะทำให้ห้องดูรก สับสน เห็นแล้วไม่สบายตา ไม่ผ่อนคลาย หากยิ่งผนังห้องเป็นลวดลายแล้ว อาจต้องหลีกเลี่ยงโซฟาที่มีลวดลาย แต่หากต้องการให้โซฟาดูโดดเด่นก็สามารถหาหมอนลายที่สะดุดตา มีสีสัน มาแต่งเติมได้

เลือกวัสดุหุ้มโซฟาที่สวยงามตรงใจ

 

          แน่นอนว่าทุกวันนี้มีวัสดุหุ้มโซฟาให้เลือกมากมาย ซึ่งแต่ละชนิดก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ฉะนั้นต้องพิจารณาให้รอบคอบ พร้อมทั้งเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง ดังนี้

 

          - โซฟาผ้า : เป็นโซฟาที่คลาสสิกที่สุด ใช้ได้ทุกยุค ทุกสมัย พื้นผิวค่อนข้างนุ่มและเนียน ที่สำคัญเข้าได้กับทุกสไตล์ และทำความสะอาดได้ง่าย จึงเหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็ก สัตว์เลี้ยง หรือบ้านที่เน้นเฟอร์นิเจอร์แนวธรรมชาติเป็นพิเศษ

 

          - โซฟากำมะหยี่ : เป็นโซฟาที่ให้ความรู้สึกหรูหรา อลังการ พื้นผิวค่อนข้างเนียนเรียบ น่าสัมผัส ส่วนจุดเด่นอยู่ที่เฉดสี ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ฉูดฉาดไปจนถึงธรรมชาติ อีกทั้งยังสามารถทนต่อรอยคราบได้พอสมควรด้วย

 

          - โซฟาหนัง : เป็นโซฟาที่แข็งแรง ทนทาน จึงเหมาะกับบ้านที่มีเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยง แต่สามารถเกิดรอยได้ง่าย จึงต้องระวังเรื่องการขีดข่วน อย่างไรก็ตามโซฟาชนิดนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ เพราะไม่เก็บขน ผม และฝุ่น ทว่าจะทำความสะอาดยาก และต้องดูแลรักษามากเป็นพิเศษ

วิธีเลือกวัสดุหุ้มโซฟา

 

- สุขลักษณะ สำหรับใครที่มีอาการภูมิแพ้ และมีสัตว์เลี้ยงที่มีขน ควรหลีกเลี่ยงโซฟาผ้า เพราะโซฟาผ้านั้นจะกักเก็บฝุ่น ขนสัตว์ติดที่ผ้าได้ง่าย แต่หากต้องการโซฟาผ้าจริงๆ แนะนำให้เลือกเนื้อผ้าคุณภาพดี ผ้าลื่นละเอียด ทำให้ฝุ่นและขนไม่ติด

- วิธีทำความสะอาดโซฟา ตามวัสดุนั้นๆ ด้วยอย่าง โซฟาหนัง วิธีทำความสะอาดเบื้องต้น คือ ดูดฝุ่นตามซอกมุม จากนั้นนำผ้าชุบน้ำสะอาดมาเช็ดคราบสกปรกได้ ส่วนโซฟาผ้า ควรดูดฝุ่นเก็บเศษต่างๆ ตามซอกมุมเช่นกัน หากมีคราบสิ่งสกปรกให้ใช้ น้ำยาขจัดคราบสกปรก สำหรับเฟอร์นิเจอร์บุผ้า เช็ดทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกออก หากโซฟาสามารถถอดแยกชิ้นส่วนได้ให้นำไปซักทำความสะอาด

- อุณหภูมิและความชื้นภายในห้อง เพราะถ้าเป็นโซฟาหนัง จะค่อนข้างไวกับอุณหภูมิ คือ เมื่ออากาศร้อนหนังก็จะร้อนตาม เมื่ออากาศเย็น หนังก็จะเย็นตาม และโซฟาหนังจะระบายอากาศได้ไม่ดีเท่ากับโซฟาผ้า เพราะโซฟาผ้าระบายอากาศได้ดีกว่า ไม่กักเก็บความร้อน ทำให้ผู้ที่นั่งไม่ร้อน ไม่เหนียวตัว

พิจารณาสีให้เหมาะกับห้อง

 

          สีของโซฟาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ สีโทนกลาง ที่จะช่วยให้ห้องนั่งเล่นรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ต้องการพักผ่อน กับสีฉูดฉาด ที่จะช่วยให้ห้องนั่งเล่นโดดเด่น สะดุดตา รู้สึกสดชื่น สดใส ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ชอบความกระปรี้กระเปร่า

ลองใช้งานก่อนซื้อทุกครั้ง

 

          ทั้งนี้โซฟาส่วนใหญ่จะมีความลึกของเบาะนั่งประมาณ 60 เซนติเมตร ส่วนความสูงประมาณ 45-50 เซนติเมตร ฉะนั้นเพื่อให้ได้โซฟาที่รองรับสรีระของคนในครอบครัวอย่างดีที่สุด ควรเช็กทั้งความกว้าง ความสูง ความลึก และความยาวของโซฟาให้ละเอียด และที่สำคัญควรให้สมาชิกในบ้านลองนั่ง และลองใช้งานให้ครบด้วยมองหาวัสดุหุ้มโซฟาที่สวยงามตรงใจ

Like